ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวันที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยว โดยถือเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่สิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจะสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 วัน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ การดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่านี้จะส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ 2,158 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดการณ์ว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันจะมีมูลค่ามากกว่าการสูญเสียรายได้ดังกล่าว โดยจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับประชาชน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับอินเดียและไต้หวัน การอำนวยความสะดวกในการเดินทางจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจระหว่างประเทศอีกด้วย
ความคาดหวังและแผนการในอนาคต
รัฐบาลไทยมีความคาดหวังว่ามาตรการยกเว้นวีซ่านี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากอินเดียและไต้หวันให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการประเมินผลของมาตรการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาหรือปรับปรุงนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคต
การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
