ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยเดือนมกราคมฟื้นตัว: ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของการส่งออก

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่ระดับ 90.6 เทียบกับ 88.8 ในเดือนธันวาคม 2566 การฟื้นตัวนี้เป็นผลมาจากปัจจัยบวกหลายประการ ซึ่งรวมถึงการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ สะท้อนให้เห็นจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ โครงการ Easy E-receipt ซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายวีซ่าฟรี (Visa Free) ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในเดือนมกราคม 2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีจำนวนมากกว่า 2.743 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในด้านการส่งออก พบว่ามีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในตลาดโลกและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ประเทศในตะวันออกกลาง และอินเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังคงมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

ความท้าทายในภาคการขนส่งระหว่างประเทศ

ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณคลองสุเอซและทะเลแดง ซึ่งส่งผลให้เกิดการโจมตีเรือขนส่งสินค้า สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียและยุโรป ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮป ส่งผลให้ระยะเวลาในการขนส่งยาวนานขึ้นและต้นทุนการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น

แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ แต่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือนยังคงแสดงแนวโน้มที่เป็นบวก โดยอยู่ที่ระดับ 98.4 เพิ่มขึ้นจาก 96.2 ในเดือนธันวาคม 2566 ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการคาดการณ์การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงผลบวกจากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการพักชำระหนี้สำหรับ SMEs

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้เสนอแนะมาตรการเร่งด่วนแก่รัฐบาล ซึ่งรวมถึงการเร่งหาสายเรือเพื่อเพิ่มจำนวนเรือขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ การอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนไทย-เมียนมา และการเร่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณปี 2567 พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ท้ายที่สุด แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่การติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิดยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่สงบในทะเลแดง ความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในระยะต่อไป