ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปี เหตุการณ์นี้ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับแกนนำพรรคและประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในฐานะนักการเมืองและในบทบาทของพ่อ
ในช่วงเช้าหลังจากมีคำวินิจฉัย นายพิธาพร้อมด้วยแกนนำพรรคคนสำคัญอย่าง นายชัยธวัช ตุลาธน และ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ได้เข้าร่วมรายการกรรมกรข่าวเพื่อแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างการสนทนา นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการได้สอบถามถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “น้องพิพิม” ลูกสาวของนายพิธา
นายพิธากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขาคือการอธิบายสถานการณ์ให้ลูกสาวเข้าใจ เขาเล่าย้อนถึงวันที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และต้องออกจากสภา เมื่อกลับถึงบ้านพบว่าลูกสาวกำลังร้องไห้ โดยไม่ทราบว่าเธอรับรู้เรื่องราวได้อย่างไร นอกจากนี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องพิพิมยังถามด้วยความกังวลว่า “คุณพ่อต้องไปศาลอีกใช่ไหม” ซึ่งคำถามนี้ทำให้นายพิธาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
ผลกระทบต่อครอบครัวนักการเมือง
นางสาวศิริกัญญา ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้เมื่อวานที่มีคำสั่งยุบพรรค เธอจะไม่ได้ร้องไห้ แต่วันนี้กลับรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องราวของน้องพิพิม เธอกล่าวถึงความคาดหวังของเด็กๆ โดยเฉพาะน้องพิพิมที่เคยผ่านช่วงเวลาที่คิดว่าพ่อจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วต้องเผชิญกับความผิดหวังเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป นางสาวศิริกัญญาเน้นย้ำว่า เรื่องความคาดหวังเหล่านี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับเด็ก
นายชัยธวัช ก็ได้แสดงความรู้สึกร่วมไปกับเพื่อนร่วมพรรค โดยไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความผูกพันและความเข้าใจในความรู้สึกของกันและกันระหว่างแกนนำพรรค
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่นักการเมืองต้องเผชิญ ไม่เพียงแต่ในด้านการทำงาน แต่ยังรวมถึงผลกระทบต่อชีวิตครอบครัวและความรู้สึกของคนใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอธิบายสถานการณ์ทางการเมืองที่ซับซ้อนให้กับเด็กๆ เข้าใจ ซึ่งเป็นภารกิจที่ยากลำบากสำหรับพ่อแม่ที่อยู่ในวงการการเมือง
