แม่ช็อก! เด็ก 6 ขวบถูกเพื่อนกดหัวลงชักโครก ผู้ปกครองกลับหัวเราะใส่

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 – เหตุการณ์สะเทือนใจเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง เมื่อเด็กชายวัย 6 ขวบถูกเพื่อนร่วมชั้นกดศีรษะลงในชักโครก สร้างความตกใจให้กับครอบครัวและผู้เกี่ยวข้อง

นางสาวกชพร มารดาของเด็กชายเอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต. สุภัทรพงศ์ บุญกำเหนิด สว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง หลังจากทราบว่าบุตรชายของเธอถูกเพื่อนร่วมชั้นชื่อปอ (นามสมมติ) กดศีรษะลงในชักโครกระหว่างช่วงพักกลางวันที่โรงเรียน เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้น้ำในชักโครกเข้าจมูกของเด็กชายเอ จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

นางสาวกชพรเปิดเผยว่า เธอรู้สึกช็อกและไม่สามารถยอมรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอได้ติดต่อทางโรงเรียนเพื่อขอพบกับผู้ปกครองของเด็กชายปอ แต่กลับพบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจัง

ผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เด็กชายเอแสดงอาการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมอย่างชัดเจน โดยเริ่มมีอาการฉี่รดที่นอน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความหวาดกลัวและบาดแผลทางจิตใจที่เกิดขึ้น

นางสาวกชพรยังเล่าถึงความรู้สึกที่ได้รับจากการพูดคุยกับผู้ปกครองอีกฝ่าย โดยเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเมื่อถามถึงความรับผิดชอบหากบุตรชายของเธอเกิดอันตรายจากการสำลักน้ำ แต่กลับได้รับเพียงเสียงหัวเราะตอบกลับ

ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย ตัวแทนจากโรงเรียน และทีมสหวิชาชีพ เพื่อหาทางออกและแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยหวังว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

การแก้ปัญหาและมาตรการป้องกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องควรพิจารณาดำเนินการดังต่อไปนี้:

  1. จัดให้มีการอบรมนักเรียนเกี่ยวกับการเคารพสิทธิของผู้อื่นและการไม่รังแกกัน
  2. เพิ่มการสอดส่องดูแลของครูในช่วงพักกลางวันและนอกเวลาเรียน
  3. สร้างช่องทางให้นักเรียนสามารถรายงานเหตุการณ์รังแกได้อย่างปลอดภัยและเป็นความลับ
  4. จัดให้มีการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาสำหรับทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ
  5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการแก้ไขปัญหาและสร้างความเข้าใจร่วมกัน

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้สำหรับเด็กทุกคน