แชมป์ K-1 World MAX 2024 เปิดใจหลังคว้าชัยชนะ พร้อมส่งสารถึง “บัวขาว” นักชกไทย

สโตยาน โคพริฟเลนสกี้ นักมวยชาวบัลแกเรีย วัย 30 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมวยของประเทศ หลังจากคว้าแชมป์ K-1 World MAX 2024 ที่จัดขึ้น ณ สนามโยโยงิ สเตเดี้ยม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยหลังจบการแข่งขัน เขาได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจากทั่วโลกที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง เพื่อรายงานความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้

โคพริฟเลนสกี้ กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ผมรู้สึกมีความสุขอย่างล้นเหลือในขณะนี้ การได้เป็นแชมป์ K-1 World MAX เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการแข่งขันที่โหดหินและท้าทายอย่างยิ่ง ผมต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ถึงสามคนติดต่อกันในคืนเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เมื่อได้มายืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับเข็มขัดแชมป์ ผมรู้สึกว่าทุกความพยายามนั้นคุ้มค่าแล้วจริงๆ”

นักชกหนุ่มเล่าถึงการเตรียมตัวว่า “ในช่วงสองเดือนครึ่งที่ผ่านมา ผมทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ผมกดดันตัวเองอย่างมาก และบังคับให้ร่างกายต้องฝึกฝนอย่างหนักทุกวันโดยไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่ากับความเหนื่อยยากทั้งหมด การได้คว้าแชมป์มาครองได้นั้นเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว”

 การเผชิญหน้ากับ “บัวขาว” นักชกขวัญใจชาวไทย

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้คือการที่โคพริฟเลนสกี้ได้เผชิญหน้ากับ บัวขาว บัญชาเมฆ นักชกชื่อดังชาวไทยในรอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งแชมป์คนใหม่ได้กล่าวถึงประสบการณ์นี้ด้วยความประทับใจ

“บัวขาวเป็นฮีโร่และไอดอลของผมมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก เขาเป็นนักสู้ที่ผมให้ความเคารพอย่างสูง” โคพริฟเลนสกี้กล่าว “การได้ขึ้นชกกับเขาเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก แต่ในฐานะนักกีฬาอาชีพ ผมต้องแยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่บนสังเวียน ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร แม้แต่บัวขาวที่ผมเคารพนับถือ ผมก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะให้ได้”

นักชกชาวบัลแกเรียยังเสริมด้วยรอยยิ้มว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่หลังจบการแข่งขัน บัวขาวได้เข้ามาแสดงความยินดีกับผม มันเป็นช่วงเวลาที่เหมือนความฝันมาก ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสแบบนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต”

ชัยชนะครั้งนี้ของโคพริฟเลนสกี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเอง แต่ยังเป็นการยกระดับวงการมวยของประเทศบัลแกเรียให้เป็นที่รู้จักในระดับโลกอีกด้วย นับเป็นก้าวสำคัญของวงการกีฬาต่อสู้ที่น่าจับตามองต่อไปในอนาคต