เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ เมื่อมีรายงานว่าประชาชนกว่า 1,000 คนประสบปัญหาอาหารเป็นพิษ โดยสาเหตุเชื่อมโยงกับการบริโภค “กิมจิ” ที่ปนเปื้อนโนโรไวรัส เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกทั่วประเทศ และทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน
ตามรายงานของสำนักข่าว BBC เจ้าหน้าที่ในเมืองนัมวอน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ได้ประกาศเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม ว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันจำนวน 996 ราย ซึ่งประสบปัญหาอาหารเป็นพิษที่เชื่อมโยงกับการบริโภคกิมจิที่ปนเปื้อนโนโรไวรัส ต่อมาในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,024 ราย แสดงให้เห็นถึงการแพร่ระบาดที่รวดเร็วและรุนแรงของโรค
เจ้าหน้าที่เมืองนัมวอนเปิดเผยว่า กิมจิที่ปนเปื้อนได้ถูกแจกจ่ายให้กับโรงเรียน 24 แห่งในพื้นที่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนและเจ้าหน้าที่โรงเรียน ผู้ที่รับประทานกิมจิดังกล่าวเข้าไปมีอาการอาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง ซึ่งเป็นอาการทั่วไปของการติดเชื้อโนโรไวรัส
การตรวจสอบและมาตรการควบคุม
ทันทีที่พบเคสแรกในวันพุธที่ 3 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ได้เริ่มการสอบสวนทางระบาดวิทยาเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของโรคอย่างเร่งด่วน จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 153 รายในวันพุธ เป็น 745 รายในวันพฤหัสบดี และเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,000 รายในวันเสาร์
นายชเว คยองซิก นายกเทศมนตรีเมืองนัมวอน ได้ยืนยันผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรค โดยกล่าวว่า “เราจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพลเมืองของเราเป็นอันดับแรก”
ผลการตรวจสอบพบโนโรไวรัสในตัวอย่างที่เก็บจากสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยและในกิมจิบางส่วนที่ส่งไปยังโรงเรียนเป็นประจำ ส่งผลให้แผนกป้องกันภัยพิบัติและความปลอดภัยต้องระงับการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ผลิตกิมจิเป็นการชั่วคราว บริษัทดังกล่าวกำลังดำเนินการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่ายไปแล้วโดยสมัครใจ แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทอย่างเป็นทางการก็ตาม
โนโรไวรัสเป็นเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน เช่น ที่จับชักโครก หรือจากการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง แม้ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในไม่กี่วันโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ในบางกรณีก็อาจมีอาการรุนแรงได้
ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อภาคการศึกษาและเศรษฐกิจของท้องถิ่นอีกด้วย โรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่ได้ประกาศปิดการเรียนการสอนชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม ส่งผลให้ผู้ปกครองต้องหยุดงานเพื่อดูแลบุตรหลานที่บ้าน
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอาหารในท้องถิ่น โดยเฉพาะผู้ผลิตและจำหน่ายกิมจิ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก คาดว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น
ขณะนี้ ทางการเกาหลีใต้กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของกิมจิทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต พร้อมทั้งเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งในด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่