ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์เป็นเรื่องปกติ การได้รับแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าบัญชีโดยไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตามมาด้วยสายโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าโอนเงินผิดบัญชีและขอให้โอนคืน สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้หลายคนรีบร้อนดำเนินการโอนคืนทันที ด้วยความคิดที่ว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและมีน้ำใจ แต่ความจริงแล้ว การตัดสินใจเช่นนั้นอาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ที่คาดไม่ถึง
การโอนเงินผิดบัญชีในบางกรณีอาจเป็นกลยุทธ์ของมิจฉาชีพที่หวังใช้บัญชีของเราเป็น “บัญชีม้า” ในการฟอกเงินหรือถ่ายโอนเงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย การรีบร้อนโอนคืนโดยไม่ตรวจสอบให้ดีอาจทำให้เราตกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางอาชญากรรมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกสอบสวนหรือดำเนินคดีทางกฎหมายได้
วิธีรับมือเมื่อมีคนแจ้งว่าโอนเงินผิดบัญชี
- สอบถามข้อมูลให้ละเอียด: ขอทราบชื่อ-นามสกุลของผู้โอน ธนาคารต้นทาง วันเวลาที่ทำรายการ และจำนวนเงินที่โอนมา
- ตรวจสอบความถูกต้อง: เช็คยอดเงินในบัญชีว่ามีการโอนเข้ามาจริงหรือไม่
- ติดต่อธนาคาร: หากพบว่ามีการโอนเงินเข้ามาจริง ให้โทรติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารทันที
- ให้ธนาคารดำเนินการ: หากธนาคารยืนยันว่าเป็นการโอนผิดบัญชีจริง ให้ยินยอมให้ธนาคารเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินคืนบัญชีต้นทาง
ข้อควรระวังเป็นพิเศษ: อย่าโอนเงินคืนด้วยตัวเอง
การโอนเงินคืนด้วยตัวเองอาจเป็นการเปิดช่องให้ตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินของมิจฉาชีพได้ ดังนั้น ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธนาคารในการดำเนินการโอนคืนเท่านั้น
เบื้องหลังกลโกงการโอนเงินผิดบัญชี
การโอนเงินผิดบัญชีอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ที่ซับซ้อนของอาชญากร โดยมักมีรูปแบบดังนี้:
- มิจฉาชีพหลอกให้เหยื่อรายแรกโอนเงินมายังบัญชีของเรา
- จากนั้นจะรีบติดต่อเราทันที อ้างว่าโอนผิดและขอให้โอนคืน
- หากเราหลงเชื่อและโอนคืน เท่ากับเราได้โอนเงินของเราเองไปให้มิจฉาชีพ
- เมื่อเหยื่อรายแรกทวงถามเงิน ก็จะพบว่าเงินได้ถูกโอนออกจากบัญชีเราไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ การระมัดระวังและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของมิจฉาชีพ การรู้เท่าทันและไม่รีบร้อนตัดสินใจจะช่วยให้เราปลอดภัยจากภัยทางการเงินที่แฝงมาในรูปแบบต่างๆ ได้