ความเคลื่อนไหวล่าสุดในคดีเรือบรรทุกน้ำมันของกลาง 3 ลำที่หายไปอย่างลึกลับจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล เมื่อมีการเปิดเผยคลิปเสียงสนทนาระหว่างลูกเรือคนหนึ่งกับแม่ค้าในพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาการหายไปของเรือบรรทุกน้ำมันมูลค่ามหาศาล
ในวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดจากบริเวณสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ โดยพบว่าสภาพโดยรวมยังคงเป็นปกติ มีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่เหลืออีก 2 ลำยังคงจอดทอดสมออยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการย้ายฐานปฏิบัติการของชุดสืบสวนจากสถานีตำรวจน้ำสัตหีบไปยังพื้นที่อื่นในเขตสัตหีบแทน
ประเด็นที่น่าสนใจ: คลิปเสียงเผยคำสั่งลับก่อนเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปเสียงบันทึกการสนทนาระหว่างแม่ค้าและลูกเรือคนหนึ่งของเรือบรรทุกน้ำมันที่หายไป ซึ่งมีความยาวประมาณ 2 นาที 34 วินาที โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้:
- ลูกเรืออ้างถึง “คำสั่งเสธ” ที่ไม่อนุญาตให้กลับและให้อยู่จนกว่าคดีจะจบ
- กำหนดการรายงานตัวในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ก่อนขึ้นศาล
- การเปิดเผยแผนการยึดเรือเพื่อดูดน้ำมันออกและนำเรือออกประมูล
- ลูกเรือกล่าวถึงการถูกโกงเงิน 2,000 บาท แต่ไม่ต้องการดำเนินคดีตามคำสั่ง “เสธ”
- การอ้างถึง “เรื่องใหญ่” ที่กำลังรออยู่ ซึ่งอาจเป็นนัยสำคัญต่อคดีนี้
การสืบสวนล่าสุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มการสืบสวนอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณท่าเทียบเรือ โดยเฉพาะรถที่มีถังน้ำมันบรรทุกอยู่ด้านหลัง เพื่อหาความเชื่อมโยงกับการหายไปของเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 3 ลำ
ผลกระทบต่อวงการตำรวจน้ำ
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) โดยมีคำสั่งให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ปมเงื่อนของคดีที่ยังไม่คลี่คลาย
การหายไปของเรือบรรทุกน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำ ซึ่งมีน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่ยังเป็นการท้าทายระบบรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมายของประเทศอย่างร้ายแรง คลิปเสียงที่เปิดเผยออกมานี้อาจเป็นเบาะแสสำคัญที่จะนำไปสู่การคลี่คลายปริศนาของคดีนี้ และอาจเผยให้เห็นถึงการมีส่วนเกี่ยวข้องของบุคคลระดับสูงในวงการตำรวจ
ทั้งนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนต่างจับตามองการสืบสวนของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด โดยหวังว่าความจริงจะปรากฏและผู้กระทำผิดจะถูกนำมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงของประเทศ