ในความพยายามล่าสุดเพื่อตอบโต้การรุกรานของรัสเซียที่ยืดเยื้อมานานกว่าสองปี ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ออกคำสั่งให้ระงับการออกวีซ่าฟรีสำหรับพลเมืองรัสเซีย โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ
การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ชาวรัสเซียสามารถเดินทางเข้ายูเครนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีชี้แจงว่า มาตรการใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของประชาชนชาวยูเครน ที่ต้องการให้มีการควบคุมการเข้าประเทศของชาวรัสเซียอย่างเข้มงวดมากขึ้น
“เนื่องด้วยสถานการณ์การรุกรานอย่างต่อเนื่องและรุนแรงจากรัสเซีย ข้อเรียกร้องของประชาชนในประเด็นนี้จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ผมเห็นด้วยว่าเราจำเป็นต้องยกระดับการควบคุมการเดินทางเข้ายูเครนของชาวรัสเซีย” ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทำเนียบประธานาธิบดี
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การประกาศยกเลิกวีซ่าฟรีครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของชาวรัสเซียเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการตอบโต้จากฝั่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามในกฎหมายกฤษฎีกาเมื่อต้นเดือนเมษายน เพื่อระงับการออกวีซ่าให้แก่ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่รัสเซียถือว่า “ไม่เป็นมิตร” ซึ่งรวมถึงยูเครนด้วย
ในการดำเนินการตามนโยบายใหม่นี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ส่งจดหมายถึงนายเดนิส ชไมฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน เพื่อให้เริ่มดำเนินการในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานหรือระยะเวลาที่จะมีผลบังคับใช้
มาตรการนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดของยูเครนในการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน และป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการรุกรานของรัสเซีย ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้