เหตุการณ์สุดประหลาดได้เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม เมื่อชายวัย 66 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการผิดปกติ ก่อนที่แพทย์จะค้นพบว่าเขามีตะปูขนาดใหญ่ฝังอยู่ในสมองมานานกว่า 1 ปี โดยที่ตัวผู้ป่วยเองก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เรื่องราวนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการแพทย์และสาธารณชนอย่างมาก
ตามรายงานของสำนักข่าว SOHA ผู้ป่วยชายรายนี้อาศัยอยู่ในเมืองกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนาม เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิตรภาพเวียดนาม-คิวบา ในเมืองด่งฮอย ด้วยอาการอาเจียน วิงเวียนศีรษะ และมีของเหลวไหลออกมาจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความรุนแรงของสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในกะโหลกศีรษะของเขา
หลังจากการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น แพทย์ได้พบสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือ “ตะปูขนาดใหญ่” ฝังอยู่ลึกในเนื้อสมองของผู้ป่วย ทีมแพทย์จึงรีบทำการตรวจ CT angiogram เพื่อประเมินความเสียหายและระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของวัตถุแปลกปลอมชิ้นนี้ ผลการตรวจพบว่าโชคดีที่ตะปูไม่ได้ทำลายหลอดเลือดสำคัญในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยยังมีชีวิตรอดมาได้
การผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อชีวิต: ความท้าทายของทีมแพทย์
ทีมแพทย์ได้ทำการรักษาเบื้องต้นที่จำเป็นก่อนที่จะย้ายผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน การผ่าตัดครั้งนี้มีความซับซ้อนและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากต้องนำตะปูออกโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมต่อเนื้อสมอง ขั้นตอนแรกคือการนำกระดูกกะโหลกบริเวณที่ตะปูฝังอยู่ออก จากนั้นจึงค่อยๆ ดึงตะปูออกอย่างช้าๆ และระมัดระวัง
ด้วยความเชี่ยวชาญและความทุ่มเทของทีมแพทย์ การผ่าตัดจึงประสบความสำเร็จด้วยดี หลังการผ่าตัด แพทย์ได้ปิดช่องน้ำไขสันหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ปัจจุบันผู้ป่วยมีอาการคงที่และอยู่ในระหว่างการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดที่แผนกศัลยกรรมประสาท
จากการสอบถามครอบครัวของผู้ป่วย ทราบว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณปีที่แล้ว เมื่อผู้ป่วยล้มและมีบาดแผลที่ท้ายทอย ครอบครัวเห็นว่ามีเลือดออกเล็กน้อยจึงคิดว่าเป็นแผลธรรมดา พวกเขาจึงทำแผลให้เองที่บ้านโดยไม่ได้พาไปโรงพยาบาล แม้ว่าแผลจะกลับมาเปื่อยอีกครั้ง พวกเขาก็เพียงแค่ซื้อยามารักษาเองจนแผลดีขึ้น โดยไม่ทราบเลยว่ามีตะปูฝังอยู่ในสมองของผู้ป่วย
ดร. เหงียน วัน มาน หัวหน้าแผนกศัลยกรรมประสาทของโรงพยาบาล กล่าวว่านี่เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก ที่มีวัตถุแปลกปลอมขนาดใหญ่อยู่ในสมองโดยที่ผู้ป่วยยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากตะปูเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในสมองอีกเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และการพบแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เพราะบางครั้งอาการภายนอกอาจไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายใน การรักษาที่รวดเร็วและถูกต้องอาจเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาชีวิตของเราได้