เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากโซเชียลมีเดียถึงการค้นพบที่น่าตื่นเต้นในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนักประดาน้ำท้องถิ่นได้ค้นพบกะโหลกมนุษย์สีดำสนิทใต้ผืนน้ำ ซึ่งเชื่อว่าเป็นซากโบราณอายุนับร้อยปี การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของชุมชนนักประดาน้ำในพื้นที่อีกด้วย
ทีมผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังหมู่บ้านประดาน้ำ ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อสัมภาษณ์นายฉัตรชัย แก้วประเสริฐ อายุ 44 ปี หนึ่งในนักประดาน้ำที่ร่วมค้นพบกะโหลกดังกล่าว นายฉัตรชัยเล่าว่าเขาประกอบอาชีพนักประดาน้ำมานานกว่า 30 ปี โดยสืบทอดวิชาจากบิดา การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณสามแยกแม่น้ำเจ้าพระยาตัดกับแม่น้ำป่าสัก ใกล้กับท่าน้ำวัดพนัญเชิงวรวิหาร
“กะโหลกที่เราพบมีขนาดใหญ่และมีสีดำสนิท ซึ่งแตกต่างจากกะโหลกมนุษย์ในปัจจุบันอย่างชัดเจน” นายฉัตรชัยอธิบาย “เราเชื่อว่ามันมีอายุมากกว่าร้อยปี และไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพบสิ่งเหล่านี้ใต้น้ำ”
นอกจากกะโหลกมนุษย์แล้ว นักประดาน้ำยังพบซากกระดูกสัตว์ต่างๆ เช่น ช้างและกวาง รวมถึงโบราณวัตถุอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของพื้นที่แห่งนี้
ความเชื่อและพิธีกรรมของนักประดาน้ำ
นายฉัตรชัยเปิดเผยว่า การพบกะโหลกและซากโบราณใต้น้ำไม่เพียงแต่เป็นการค้นพบทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเชื่อและพิธีกรรมของนักประดาน้ำในท้องถิ่นอีกด้วย
“พวกเรามีความเชื่อว่า การพบกะโหลกเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณจากวิญญาณที่ต้องการให้เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้” เขากล่าว “หลังจากพบกะโหลกทุกครั้ง เราจะจัดพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณเหล่านั้น”
นอกจากนี้ นักประดาน้ำยังมีพิธีกรรมไหว้ครูและบูชาเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเครื่องรางที่พบใต้น้ำ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อดั้งเดิมกับการประกอบอาชีพในยุคปัจจุบัน
นายสุรพล แย้มกันชู อายุ 70 ปี ชาวบ้านในพื้นที่และอดีตนักประดาน้ำ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “แม่น้ำสายนี้มีกะโหลกมนุษย์โบราณจำนวนมากอยู่ใต้น้ำ ซึ่งอาจมีอายุมากกว่าร้อยปี แต่นักประดาน้ำส่วนใหญ่จะไม่นำขึ้นมาเพราะไม่มีมูลค่าทางการค้า แต่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลแทน”
การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของอดีตราชธานี แม้ว่าโบราณวัตถุใต้น้ำจะเริ่มหายากขึ้นเนื่องจากกระแสน้ำและการค้นหาของนักประดาน้ำรุ่นก่อน แต่เรื่องราวและความทรงจำของอดีตยังคงดำรงอยู่ในความทรงจำและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่แห่งนี้