แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ออกมาเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของ “ขนอ่อน” ที่ขึ้นตามร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่ไม่เคยมีขนมาก่อน เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของโรคมะเร็งที่ร้ายแรง
เว็บไซต์ New York Post ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับคำเตือนจาก ดร.สก็อตต์ วอลเตอร์ แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในพื้นที่เดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์ม TikTok มากกว่า 1.2 ล้านคน ดร.สก็อตต์ได้โพสต์คลิปวิดีโอเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงภายในร่างกาย
ดร.สก็อตต์อธิบายว่า การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของขนสีขาวที่มีลักษณะบางในบริเวณที่ปกติไม่มีขน อาจเป็นอาการของภาวะผิวหนังที่หายากที่เรียกว่า Hypertrichosis lanuginosa (HLA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โรคมนุษย์หมาป่า” ภาวะนี้ทำให้เกิดขนอ่อน (Lanugo) ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นขนบาง ๆ ไม่มีสี คล้ายกับขนที่พบในทารกแรกเกิด แต่เมื่อพบในผู้ใหญ่ จะถือว่าเป็นอาการพารานีโอพลาสติก ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อมะเร็งภายใน
ตำแหน่งที่พบขนอ่อนและความเสี่ยงต่อมะเร็ง
ดร.สก็อตต์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขนอ่อนสามารถพบได้ในหลายบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า เช่น หู แก้ม และจมูก การปรากฏของขนอ่อนในตำแหน่งเหล่านี้อาจเชื่อมโยงกับมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่:
- มะเร็งปอด
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งทวารหนัก
- มะเร็งระบบทางเดินอาหาร
- มะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ
- มะเร็งรังไข่
สิ่งที่น่าตกใจคือ การเกิดขนอ่อนนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนที่เกิดขึ้นก่อนการวินิจฉัยมะเร็งได้ถึง 2 ปีครึ่ง ซึ่งหมายความว่า อาการนี้อาจเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงการเกิดมะเร็งในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ดร.สก็อตต์ย้ำว่า การเกิดขนอ่อนนี้เป็นอาการที่พบได้ยากมาก และไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน แต่ต้องการให้ทุกคนสังเกตผิวหนังของตนเอง เพราะมันอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในร่างกาย
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลทางพันธุกรรมและโรคหายากระบุว่า มีชาวอเมริกันน้อยกว่า 1,000 คนที่มีอาการ HLA นอกจากการเกิดขนอ่อนแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ลิ้นอักเสบ ตุ่มบวมบนลิ้น การรับรสเปลี่ยนแปลง ท้องเสีย และน้ำหนักลด
ตัวอย่างกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ หญิงวัย 68 ปีรายหนึ่ง ซึ่งมีอาการรู้สึกเหมือนลิ้นถูกเผาไหม้ และมีขนอ่อนบาง ๆ ขึ้นทั่วใบหน้า ต่อมาเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น HLA และมะเร็งทวารหนัก ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสี
แพทย์ย้ำเตือนว่า หากพบอาการผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีหรือทุก 6 เดือนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพื่อการตรวจพบและรักษาโรคได้ทันท่วงที